วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

เทคโนโลยีหน้าจอรักษาตัวเอง



เทคโนโลยีหน้าจอรักษาตัวเองกำลังก้าวหน้าไปอีกขั้น ด้วยวัสดุโพลิเมอร์ชนิดใหม่!

เทคโนโลยีหน้าจอรักษาตัวเองกำลังก้าวหน้าไปอีกขั้น ด้วยวัสดุโพลิเมอร์ชนิดใหม่!
บทความที่ตีพิมพ์โดย Science ได้พูดถึงวัสดุชนิดใหม่ที่มีความแข็งแรง และเป็นโพลิเมอร์ที่มีลักษณะคล้ายแก้วซึ่งสามารถรักษาตัวเองได้ โดยการใช้แรงดันจากมือ!
โดยปกติแล้ววัสดุที่รักษาตนเองได้จะต้องได้รับความร้อนถึงประมาณ 120 องศาเซลเซียสจึงจะเกิดกระบวนการคืนรูป แต่การค้นพบใหม่นี้อาจทำให้ในที่สุดเราก็จะได้ใช้อุปกรณ์ที่ซ่อมแซมตนเองได้เมื่อเกิดการแตกร้าว
วัสดุโพลิเมอร์ชนิดใหม่ดังกล่าว ถูกค้นพบโดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตเกียว โดยหนึ่งในทีมงานที่ร่วมวิจัยก็คือ ศาสตราจารย์ Takuzo Aida ซึ่งกล่าวว่า การค้นพบนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาด ซึ่งมีสาเหตุมาจากบัณฑิตคนหนึ่งสังเกตว่าขอบของโพลิเมอร์มักจะติดกันเมื่อถูกกดด้วยมือที่อุณหภูมิ 21 องศาเซลเซียสหากการค้นพบวัสดุโพลิเมอร์ชนิดใหม่สามารถนำมาใช้ได้จริง จะทำให้เราไม่ต้องกังวลว่า หน้าจอจะแตกเมื่อทำสมาร์ทโฟนตกพื้นอีกต่อไป และแทนที่จะต้องมานั่งหงุดหงิดกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น สิ่งที่เราต้องทำก็เพียงแค่เอามือกดหน้าจอ และรอให้รอยแตกหายไป
ขอบคุณ
https://www.sanook.com/hitech/

เอกสารดาวน์โหลด

เทคโนโลยีจะช่วยให้คนมีชีวิต “อมตะ”


นักอนาคตศาสตร์เชื่อ ใน 30 ปี เทคโนโลยีจะช่วยให้คนมีชีวิต อมตะ

life

ความคิดนี้มาจากการคาดคะเนของดร. Ian Pearson นักอนาคตศาสตร์ (futurologist) ระดับแนวหน้า ด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยีเชื่อได้ว่าคนที่มีชีวิตอยู่จนถึงปี พ.ศ. 2593 อาจมีชีวิตที่เป็นอมตะดร. Pearson ยังมองว่าชีวิตที่ไม่มีวันตายอาจไม่ได้หมายถึงการยึดติดกับร่างกายเดิม ถ้าอุปสรรคของชีวิตอมตะคือร่างกายที่เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา ต่อไปอาจมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถอัปโหลดจิตสำนึกไปเก็บไว้ใน “clound” จากนั้นก็ดาวน์โหลดใส่แอนดรอยด์หรือหุ่นยนต์เหมือนคนแบบไหนที่ไหนก็ได้ทั่วโลก หมายความว่าแม้สังขารจะร่วงโรยไปแต่จิตสำนึกของเราจะยังคงอยู่ตลอดไป ถึงตอนนั้นคุณอาจเลือกหุ่นยนต์ที่ดูอายุเท่าไหร่ก็ได้ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้

ดร. Pearson เชื่อว่าเทคโนโลยีทั้งหลายทั้งปวงเพื่อชีวิตที่เป็นอมตะนี้เกิดได้ภายในปี 2593 หรืออีกประมาณ 30 ปี ถ้าคุณเกิดหลังปี 2513 ปีนี้คุณอายุ 48 คนที่อายุไม่ถึง 50 ถือว่ายังมีโอกาสได้ใช้เทคโนโลยีนี้ หรือก็คือมีโอกาสจะมีชีวิตที่เป็นอมตะ ส่วนคนที่ตอนนี้ยังอายุไม่ถึง 40 คุณได้รับโอกาสนั้นแน่นอนในช่วงแรกค่าใช้จ่ายจะต้องสูงมากแน่ ๆ ซึ่งจะมีเพียงมหาเศรษฐีเท่านั้นที่เอื้อมถึง แต่ให้หลังประมาณ 10 ปี ชนชั้นกลางทั่วไปก็น่าจะเข้าถึงได้
 
ขอบคุณ



สั่งงานขับขี่ด้วยสมองมนุษย์


Nissan เผยเทคโนโลยี B2V สั่งงานขับขี่ด้วยสมองมนุษย์


103

   ระบบ B2V ของนิสสันสามารถจับสัญญาณสมองก่อนผู้ขับขี่จะลงมือทำการต่างๆ เช่น หมุนพวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถกระทำการสิ่งเหล่านั้นได้รวดเร็วมากขึ้น และยังสามารถประเมินความกังวลของผู้ขับขี่และปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่เมื่ออยู่ในโหมดขับขี่อัตโนมัติได้

     เทคโนโลยี B2V ของนิสสัน ได้รับการคิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก โดยผู้ขับขี่ต้องสวมใส่เครื่องจับการทำงานของสมอง ซึ่งจะทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยระบบขับขี่อัตโนมัติ โดยระบบสามารถสั่งให้ยานยนต์ทำงาน เช่น หมุนพวงมาลัย หรือชะลอความเร็วของรถ ได้อย่างนิ่มนวล และรวดเร็วขึ้น 0.2 – 0.5 วินาที โดยพิจารณาจากความคิดที่เกิดขึ้นของผู้ขับขี่


มร. แดเนียล สกิลลาชี รองประธานบริหารฝ่ายการขายและการตลาดทั่วโลกและประธานคณะกรรมการบริหาร ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ประเทศญี่ปุ่น ภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ คอร์เปอร์เรชั่น กล่าวว่า เวลาที่คนส่วนใหญ่นึกถึงเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ พวกเขายังคงไม่เห็นภาพที่มนุษย์ให้เทคโนโลยีเป็นผู้ควบคุมทุกอย่างอย่างชัดเจน แต่เทคโนโลยี B2V ได้ทำสิ่งที่แตกต่างออกไป ด้วยการจับสัญญาณสมองของผู้ขับขี่ ในการสร้างประสบการณ์ที่น่าสนุกและตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น ภายใต้วิสัยทัศน์นิสสัน อินเทลลิเจ้นท์ โมบิลิตี้ เรากำลังสร้างโลกที่ดีกว่าให้ทุกคนด้วยการนำเสนอเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะที่มีความอัตโนมัติมากขึ้น ใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น และสามารถเชื่อมต่อกันได้มากยิ่งขึ้น

ขอบคุณ

ข้อมูล: sanook

วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2561

เริ่มต้น

           
      เว็บไซต์นี้สร้างขึ้นมาเพื่อสะสมงาน